Sunday, November 06, 2005

เพื่อน(ใหม่)บ้าน(เก่า)



เมื่อสองคืนก่อน นั่งจดรายการ "กันลืม" ของตัวเอง แล้วได้พบว่า ลายมือเขียนไทยยิ่งกว่าไก่เขี่ย เพราะไม่ค่อยได้เขียนไทยบ่อยนัก จะโทษอากาศว่าทำให้มือแข็งลากตวัดปากกาไม่ไปก็ไม่น่าจะใช่ แต่เขียนอะไรน้อยเกินไป ถนัดแต่มาจิ้มคีย์บอร์ดไปวันๆ

สองสาวเริ่มทำตัวเป็นสาว เมื่อวานตุ่นมารบเร้าจะซื้อลิปสติก แล้วก็มีงอแงตอนไปซื้อของ เลยต้องซื้อลิปกลอสที่มีสีชมพูให้ ลิปกลอสแบบที่ทาแล้วกันปากแตกตอนอากาศหนาวนี่ล่ะ กว่าจะล่อหลอกกันได้ เพราะเธอจะมุ่งไปที่ชั้นลิปสติกสีสดสวยของสาวๆ บางทีฉันก็ไม่รู้จะเลี้ยงลูกสาวยังไง เพราะตัวเองไม่ค่อยสนใจเรื่องความสวยงาม แต่งหน้าทาปากกับใครเขาไม่เป็น พอเจอเด็กสาวช่างแต่ง(ตามเพื่อน)เลยมีอาการ "กลุ้มจาย" แต่ก็ต้องเลือก "ให้" บ้างตามวาระและโอกาส อย่างน้อยให้อยู่ในสายตา ดีกว่าให้ลูกเก็บกด ให้ลูกลองสวยลองงามแบบเด็กหญิงบ้าง เด็กบางทีก็แค่อยากลองอยากเป็น พอได้ลองได้รู้ก็พอใจ...พูดง่ายบอกง่ายขึ้นเยอะ

บางทีการเลี้ยงลูกก็ยากตรง "ขอบเขต" ที่ว่าจะให้เขาได้แค่ไหน และถึง "เส้นกั้น" ตรงไหนที่จะต้อง "เสียงแข็ง"กันบ้าง

ฉันเพิ่งมีเพื่อนสนิทคนใหม่ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านตรงข้ามที่เห็นหน้ายิ้มให้กันเฉยๆ ไม่เคยทักทายแนะนำตัวอย่างเป็นเรื่องเป็นราวมาตั้ง 5 ปี อยู่มาวันหนึ่งโนลลี่ก็เดินข้ามฝั่งมาทักทายช่วงที่เราสองต่างมุ่งทำสวนหน้าบ้านกันอยู่ แล้วหลังจากนั้นเราสองก็กลายมาเป็นเพื่อนปั่นจักรยานทุกค่ำวันอังคารไปฟิตเนสด้วยกัน โนลลี่อายุ 50 กว่าแล้ว (ฉันเดาเอา) เขามีลูกชาย 2 คนโตเป็นหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่วัย 21 กับ 24 ปี เมื่อวานนี้ลูกชายคนเล็ก พีทเตอร์กลับมาบ้าน โนลลี่เลยพาลูกชาย 2 คนมาแนะนำตัว ลูกชายคนโตที่ชื่อมิฆีล ฉันยังเห็นหน้าค่าตากันบ่อยๆ เพราะเขายังพักอยู่กับพ่อแม่ที่บ้าน แต่พีทเตอร์ย้ายไปอยู่หอพักที่เมืองเอนโดเฟ่น (เมืองเก่าที่ฉันเคยอยู่เมื่อย้ายมาที่นี่ปีแรกๆ...มันคือ เมืองของเครื่องไฟฟ้าฟิลิปส์))เพื่อเรียนมหาวิทยาลัย ฉันเคยแอบมองพีทเตอร์หัดเรียนขับรถเมื่อ 2 ปีก่อนทุกวันจนเขาสอบผ่าน เพราะตอนนั้นคิดว่าต้องเรียนขับรถแบบเขาเข้าสักวัน ตามประสาคนเมืองหนาวมัวแต่คุดหน้ากันอยู่แต่ในบ้าน เลยไม่เคยได้ทักกันสักที...แอบมองกันไปแอบมองกันมาอยู่แค่นี้แหละ

พีทเตอร์หอบลูกอมรสทุเรียนมาให้เขาบอกว่าลองชิมแล้วไม่อร่อย เลยเอามาให้ฉันแทน ฉันสารภาพกับเขาตรงๆว่า มันก็ไม่น่าจะอร่อยเลยน่ะนะ ฉันก็ไม่เคยลองกินลูกอมรสนี้ แต่ชอบกินทุเรียนสดมากๆ (โถ...นึกยังไงซื้อลูกอมรสทุเรียนกลิ่นแรงมาลอง-ฉันนึกขำในใจ) พีทเตอร์ยังหอบข้าวเหนียวมาด้วย ฉันรู้จากที่โนลลี่เล่าให้ฟังว่า พีทเตอร์สนใจอยากหัดหุงข้าว ครอบครัวนี้เคยไปเที่ยวเมืองไทยกันมาเมื่อ 2 ปีก่อน เลยมีความรู้สึกร่วมมีความหลังเกี่ยวกับเมืองไทย และชอบอาหารไทยมาก จึงดูมีประเด็นเวลาที่คุยอะไรกับฉัน เมื่อวานฉันเลยหัดพีทเตอร์หุงข้าวเหนียวด้วยไมรโครเวฟ เพราะมันใช้เวลาแค่ 10 นาทีเท่านั้น แล้วก็เลยยืนคุยกันยาวกับหนุ่มน้อยเรื่องการทำกับข้าวไทยง่ายๆ สองหนุ่มชอบใจมากเมื่อฉันเสนอว่า เดี๋ยวพีทเตอร์กลับบ้านมาคราวหน้าจะสอนทำข้าวผัดให้ แถมมีการรับรองแบบโม้ๆ(ดูไม่น่าเชื่อถือ)ว่าฉันสอนใครก็น่าจะทำเป็นทั้งนั้น เพราะฉันทำกับข้าวได้มั่วและง่ายที่สุดแล้วล่ะ : P

สองหนุ่มหัวเราะชอบใจ บอกว่า เอาๆ ขอมาเรียนจริงๆนะ ตอนที่ครอบครัวนี้เขาแวะมา ฉันกำลังง่วนกับการทำซาลาเปา แหม...พักแป้งไว้กำลังขึ้นอืดพอดี ฉันเลยยืนคุยไปห่อซาลาเปาไปด้วย พอเกือบหกโมงเย็น โนลลี่และครอบครัวกลับบ้านไป ต่างคนต่างทำกับข้าวเย็น ฉันนึ่งซาลาเปาชุดแรกสุก เลยเดินข้ามฝั่งถนนประคองจานใส่ซาลาเปา 4 ลูกซึ่งยังอุ่นกรุ่นผ่านอากาศเย็นยามค่ำไปกดกริ่งบ้านโนลลี่ พีทเตอร์มาเปิดประตูแล้วยิ้มรับซาลาเปาไป




ฉันชอบทำกับข้าวและขนมให้คนอื่นกิน เลยชอบทำทีละเยอะ นึกถึงคนไทยตามชนบทที่คนทำแกงหม้อโตแล้วเดินแจกให้เพื่อนบ้านกินทั้งหมู่บ้าน ฉันไม่ค่อยเจอคนแถวนี้เดินเอาขนมไปให้กัน ฉันเลยดูเป็นชาวต่างชาติเด๋อๆ ที่บางทีมีการเดินย่องไปแจกขนมให้เพื่อนบ้านกิน โชคดียิ่งกว่าที่เพื่อนบ้านฉันล้วนน่ารักและเป็นมิตรเกือบทั้งถนน จนบางวันขี่จักรยานผ่านไปผ่านมา ยิ้มทักกันจนเมื่อยตีนกาเลย : )

วานนี้ปั้น-นึ่งซาลาเปาได้ 36 ลูกใหญ่จากแป้ง 1 กิโลกว่า เก็บใส่ถุงซิปล็อคเข้าช่องแข็งไว้กินเป็นอาหารเช้าได้อีก 1 เดือนเลย

0 Comments:

Post a Comment

<< Home